เ ภ สั ช ก ร

"อาชีพเภสัชกรเป็นอาชีพที่นำแนวคิดและทฤษฎีทางด้านเภสัชศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการเตรียมและผสมยาหรือจำหน่ายเวชภัณฑ์และยาต่าง
ๆ เตรียมและจัดแจงเวชภัณฑ์ตามใบสั่งยาของแพทย์ ทันตแพทย์และ สัตวแพทย์
หรือทำการผสมสูตรยา ตรวจดูใบสั่งยาเพื่อให้แน่ใจว่าขนาดของยาที่สั่งเป็นขนาดที่เหมาะสม
และเพื่อให้แน่ใจว่าคนไข้ หรือผู้ที่จ่ายยาให้คนไข้ เข้าใจวิธีการใช้ยา
รวมทั้งให้การแนะนำในกรณีที่เกิดการแพ้ยา จัดเวชภัณฑ์และยาในโรงพยาบาล
หรือจำหน่ายในร้ายขายยาทั่วไป จดบันทึกรายการยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาเสพติดสารพิษ
และยาที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมซ้ำซาก ทดสอบตัวยาเพื่อให้รู้ว่าเป็นยาอะไร
สกัดยาให้บริสุทธิ์และเข้มข้นขึ้น มีส่วนร่วมในการพัฒนา กฎ ระเบียบ และข้อบังคับต่าง ๆ เขียนรายงานและวารสารทางวิทยาศาสตร์
ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่การงานที่เกี่ยวข้องและควบคุมดูแลผู้ปฏิบัติงานอื่นๆ"
สัญลักษณ์ของวิชาชีพเภสัชกรรม
ทางสากล คือ Bowl of Hygeia ซึ่งเป็นรูปงูศักดิ์สิทธิ์
พันรอบถ้วยยาของเทพี Hygeia ซึ่งถือว่าเป็นเทพีแห่งเภสัชกรรม
สัญญลักษณ์อื่น ๆ ได้แก่คำย่อของ Recipe (Rx) อันเป็น คำภาษาละติน ที่ใช้เป็นคำสั่งขึ้นต้นในใบสั่งยา
และ เป็นคำสรรเสริญ เทพ Jupitor ซึ่งถือ
เป็นเทพผู้อภิบาลผู้ป่วย
ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการทำยาสมัยก่อน
การปรุงยาแบบไทย
เมื่อปรุงสำเร็จแล้วจะมีเฉลวทำด้วยเส้นตอกไม้ไผ่หรือหวายเส้น
เป็นเครื่องหมายปักไว้ เภสัชกรไทยจึงใช้เฉลวเป็น
สัญญลักษณ์ของวิชาชีพเภสัชกรรมอีกด้วย
สีประจำวิชาชีพเภสัชกรรม
และคณะเภสัชศาสตร์ คือ
![]() |
| สีเขียวมะกอก (Olive Green) |
ลักษณะของงานที่ทำ
ค้นคว้าและพัฒนาสูตรยาตำรับใหม่ๆเพื่อขึ้นทะเบียนและส่งสูตรที่สำเร็จแล้วให้ฝ่ายผลิตเพื่อทำการผลิตยาออกจำหน่าย ควบคุมการผลิตยาให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ วิเคราะห์ ตรวจสอบยาที่ผลิตให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ปรุงยา จ่ายยาและสิ่งที่เกี่ยวข้องตามใบสั่งหรือตามสูตร เตรียมการผลิตยา เช่นยาน้ำ ยาขี้ผึ้ง ยาผง ยาเม็ดกลม ยาเม็ดแบน แค็ปซูล และยาฉีดตามใบสั่งของแพทย์หรือตามสูตรที่ได้รับการรับรองแล้ว ชี้แจงแก่แพทย์ พยาบาลและผู้ปฏิบัติงานในแขนงอื่นๆ ทางการแพทย์เกี่ยวกับยา เคมีภัณฑ์และการใช้สิ่งนั้นๆ ควบคุมและจ่ายยาเสพติดให้โทษ ยาพิษ และสารพิษที่ต้องการใช้เพื่อการแพทย์ กิจการในบ้าน อุตสาหกรรมหรือเกษตรกรรม และจ่ายสิ่งนั้นๆ ตามกฎข้อบังคับ ทำหน้าที่วิเคราะห์และทดสอบตามปกติ เพื่อให้ทราบชนิดความบริสุทธิ์และความแรงของยา จัดระเบียบและควบคุมรักษายาในคลังทำบัญชีประจำคลังโดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ เช่น ยาเสพติดให้โทษ ยาอันตราย ยาสามัญ เคมีภัณฑ์และเครื่องใช้ในการแพทย์ อาจจัดซื้อเวชภัณฑ์ และเคมีภัณฑ์และสะสมเครื่องใช้ในการแพทย์ไว้จ่ายแก่คนไข้ และห้องรักษาโรค อาจผลิต จำหน่าย และชี้แจงเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ เช่น สุขภัณฑ์ เครื่องสำอาง เคมีภัณฑ์สำหรับเกษตรกรรมและพืชสวน และยาสำหรับสัตว์ ศึกษาวิธีการปฏิบัติงานที่รับผิดชอบ รวมทั้งวิธีการใช้เครื่องมือต่างๆ เช่นเครื่องจักรที่ใช้ผลิตยา เครื่องมือในการวิเคราะห์ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมของเครื่องมือ

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปในสาขาวิชาเภสัชศาสตร์
2. มีสุขภาพกายและจิตใจดี ไม่พิการ ไม่ตาบอดสี มีมนุษยสัมพันธ์ดี มีความสามารถเป็นผู้นำได้เนื่องจากอาจจะทำงานควบคุมผู้อื่นโดยเฉพาะในงานการผลิต มีบุคลิกภาพดี
3. รักในอาชีพนี้ มีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมสูง
4. ต้องมีความสนใจในวิชาวิทยาศาสตร์ เคมี ชีววิทยา และสามารถสอบได้คะแนนดีในวิชาเหล่านี้
5. ชอบการค้นคว้าทดลอง การใช้ปัญญาในการวิเคราะห์
6. มีความละเอียดรอบคอบ ช่างสังเกต
7. ซื่อสัตย์ต่ออาชีพ
8. ผู้ที่สนใจประกอบอาชีพนี้ต้องชอบการท่องจำ เพราะจำเป็นต้องจำชนิดของยา ส่วนประกอบของยา ชื่อและประโยชน์ของต้นไม้ที่มีฤทธิ์ทางยารวมทั้งชื่อยาและชื่อสารเคมีที่ใช้ในการรักษาโรค
2. มีสุขภาพกายและจิตใจดี ไม่พิการ ไม่ตาบอดสี มีมนุษยสัมพันธ์ดี มีความสามารถเป็นผู้นำได้เนื่องจากอาจจะทำงานควบคุมผู้อื่นโดยเฉพาะในงานการผลิต มีบุคลิกภาพดี
3. รักในอาชีพนี้ มีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมสูง
4. ต้องมีความสนใจในวิชาวิทยาศาสตร์ เคมี ชีววิทยา และสามารถสอบได้คะแนนดีในวิชาเหล่านี้
5. ชอบการค้นคว้าทดลอง การใช้ปัญญาในการวิเคราะห์
6. มีความละเอียดรอบคอบ ช่างสังเกต
7. ซื่อสัตย์ต่ออาชีพ
8. ผู้ที่สนใจประกอบอาชีพนี้ต้องชอบการท่องจำ เพราะจำเป็นต้องจำชนิดของยา ส่วนประกอบของยา ชื่อและประโยชน์ของต้นไม้ที่มีฤทธิ์ทางยารวมทั้งชื่อยาและชื่อสารเคมีที่ใช้ในการรักษาโรค
ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้
สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า สมัครสอบคัดเลือกเข้าศึกษาระดับอุดมศึกษา ในคณะเภสัชกรรม สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ (หลักสูตร 6 ปี) จากสถาบันอุดมศึกษาของภาครัฐหรือภาคเอกชน
สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า สมัครสอบคัดเลือกเข้าศึกษาระดับอุดมศึกษา ในคณะเภสัชกรรม สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ (หลักสูตร 6 ปี) จากสถาบันอุดมศึกษาของภาครัฐหรือภาคเอกชน
คณะเภสัชศาสตร์ และ สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ที่เปิดสอนในประเทศไทย
1.
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2.
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
3.
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
4.
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
5.
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
6.
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
7.
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
8.
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
9.
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
10.
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
11.
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
12.
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
13.
คณะเภสัชศาสตร์
มหาวิทยาลัยพะเยา
14.
คณะเภสัชศาสตร์
มหาวิทยาลัยพายัพ
15.
คณะเภสัชศาสตร์
มหาวิทยาลัยสยาม
16.
สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
17.
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย
18.
คณะเภสัชศาสตร์
มหาวิทยาลัยบูรพา
ตัวอย่างหลักสูตร “คณะเภสัชศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”
คณะเภสัชศาสตร์(Faculty of Phamaceutical Science) ประกอบด้วย 7 ภาควิชา
1. วิทยาการเภสัชกรรมและเภสัชอุตสาหกรรม
(Pharmaceutics and Industrial Pharmacy)
2. เภสัชกรรมปฏิบัติ (Pharmacy
Practice)
3. อาหารและเภสัชเคมี (Food and
Pharmaceutical chemistry)
4. เภสัชเวทและเภสัชพฤกษศาสตร์ (Pharmacognosy
and Pharmaceutical Botany)
5. เภสัชวิทยาและสรีรวิทยา (Pharmacology
and Physislogy)
6. ชีวเคมีและจุลชีววิทยา (Biochemistry
and Microbiology)
7. เภสัชศาสตร์สังคมและบริหาร(Social
and Administrative Pharmacy)
หลักสูตรที่รับผิดชอบโดยคณะ
ได้แก่
หลักสูตรปริญญาตรี
เภสัชศาสตรบัณฑิต
(ภ.บ.) Doctor
of Pharmacy (Pharm. D.) หลักสูตร 6 ปี 2 สาขาวิชา ได้แก่
1.
เภสัชศาสตร์ (Pharmaceutical Sciences)
2.
การบริบาลทางเภสัชกรรม (Pharmaceutical Care) *
- จำนวนหน่วยกิตรวมตลอดหลักสูตร...........233.....หน่วยกิต
- - ระยะเวลาการศึกษา....6.....ปี
โครงสร้างหลักสูตร
แผนการศึกษา 6ปี (12ภาคเรียน)
ความก้าวหน้าและการเรียนต่อ
·
ตัวอย่างหลักสูตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หลักสูตรปริญญาโท
1.เภสัชศาสตรมหาบัณฑิต (ภ.ม.) Master
of Science in Pharmacy (M.Sc. in Pharm.) 10 สาขาวิชาได้แก่
1.1 เภสัชกรรม (Pharmaceutics)
1.2 เภสัชอุตสาหกรรม (Industrial
Pharmacy)
1.3 เภสัชกรรมคลินิก (Chinical Pharmacy)
1.4 เภสัชเคมี (Pharmaceutical
Chemistry)
1.5 อาหารเคมีและโภชนศาสตร์ ทางการแพทย์ (Food
Chemistry and Medical Nutrition)
1.6 เภสัชเวท (Pharmacognosy)
1.7 เภสัชพฤกษศาสตร์
(Pharmaceutical Botany)
1.8 เภสัชวิทยาและพิษวิทยา (Pharmacology
and Toxicology)
1.9 สรีรวิทยา (Physiology)
1.10 จุลชีววิทยา (Micriology)
2. วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วท.ม.) Mater
of Science (M.Sc.) 4 สาขาวิชา ได้แก่
2.1 เทคโนโลยีเภสัชกรรม (นานาชาติ) (Pharmaceutical Technology)
2.2 วิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง (Cosmetic
Science)
2.3 ชีวเวชเคมี (Biomedical
Chemistry)
2.4 เภสัชศาสตร์สังคมและบริหาร
(นานาชาติ) (Social and Administrative Pharmacy)
หลักสูตรปริญญาเอก
1. เภสัชศาสตรดุษฎีบัณฑิต
(ภ.ด.) Doctor of Philosophy (Ph.D.) 3 สาขาวิชา ได้แก่
1.1 เภสัชกรรม (Pharmaceutics)
1.2 การบริบาลทางเภสัชกรรม (นานาชาติ) (Pharmaceutical
Care)
1.3 เภสัชวิทยาและพิษวิทยา (Pharmacology
and Toxicology)
2. วิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต (วท.ด.) Doctor
of Philosophy (Ph.D.) 6 สาขาวิชาได้แก่
2.1 เทคโนโลยีเภสัชกรรม (นานาชาติ) (Pharmaceutical
Technology)
2.2 เภสัชเคมีและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (Pharmaceutical
Chemistry and Natural Products)
2.3 เภสัชเวท (Pharmacognosy)
2.4 เภสัชศาสตร์ชีวภาพ * (Biopharmaceutical
Sciences)
2.5 ชีวเวชเคมี (Biomedical
Chemistry)
2.6 เภสัชศาสตร์สังคมและบริหาร (นานาชาติ) (Social
and Administrative Pharmacy)
หมายเหตุ
* สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ชีวภาพระดับปริญญาเอก
มีภาควิชารับผิดชอบ 2 ภาควิชา คือ
ภาควิชาเภสัชวิทยาและสรีรวิทยา และภาควิชาชีวเคมีและจุลชีววิทยา
โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
ผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นข้าราชการในโรงพยาบาลทั่วไป
ในองค์การเภสัชกรรม จะได้รับตำแหน่งและเลื่อนขั้นยศตามขั้นตอนของระบบราชการ
การศึกษาต่อเพิ่มเติมจะช่วยให้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งได้รวดเร็วและสามารถเป็นถึงผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานได้
ส่วนในภาคเอกชนนั้นขึ้นอยู่กับโครงสร้างการบริหารงานขององค์กร
ซึ่งสามารถเป็นผู้จัดการโรงงาน ผู้จัดการด้านคุณภาพหรือผู้จัดการ ฝ่ายขาย
เภสัชกรสามารถประกอบธุรกิจส่วนตัว คือ
เป็นเจ้าของร้านขายยาสำหรับผู้ที่สามารถผลิตยาหรือผลิตภัณฑ์อื่นที่สามารถบำบัดรักษาอาการ
เจ็บป่วยหรือบำรุงรักษาสุขภาพได้โดยผ่านการทดสอบและได้รับอนุญาตจากองค์การเภสัชกรรมสามารถจดลิขสิทธ์การเป็นเจ้าของสูตรในการปรุงยา
หรือผลิตภัณฑ์นั้น
และผลิตเป็นสินค้าออกจำหน่ายในลักษณะอุตสาหกรรมได้เช่นกัน
➤ วิดิโอแนะนำอาชีีพเภสัชกร
------------------------- ⧫⧫⧫ --------------------------






ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น